และหนื่งในผลงานที่น่าตื่นเต้นของปีนี้ก็คือ Tambour ไลน์นาฬิกาหรูกึ่งลำลองของแบรนด์ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากหน้ากลองและเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 2002 ในปีนี้ถูกปรับโฉมหลากหลายทั้งแบบจิวเวลรี่ แบบจักรกลซับซ้อนอย่างทูร์บิญง แต่ที่พลาดไม่ได้ก็คือรุ่นที่ได้แรงบันดาลใจจากการแข่งเรือยอชต์รีกัตตา หลุยส์ วิตตอง คัพ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันอเมริกาส์ คัพ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเฉพาะ Tambour LV Cup Spin Time Regatta ผลงานที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในปีนี้ด้วยมุมมองใหม่ในการแสดงเวลา
นาฬิกาข้อมือหลุยส์ วิตตอง 02ตามกฎเกณฑ์ใหม่สำหรับเหล่านักแข่งเรือช่วงเวลาห้านาทีก่อนออกสตาร์ทนั้นถือเป็นช่วงสำคัญอย่างยิ่ง ทางผู้จัดการแข่งขันจะส่งสัญญาณเตือนครั้งแรกเพื่อให้เรือเตรียมจอดรอ ณ เส้นที่เรียกว่า Lay Line และสัญญาณเตือนช่วง 2 นาทีสุดท้ายเพื่อให้เรือแต่ละลำแล่นเข้าสู่เขตสตาร์ทก่อนจะถึงสัญญาณออกสตาร์ทจริง หากเรือลำใดออกก่อนเวลาก็จะถูกปรับฟาล์วได้
เพราะฉะนั้นในช่วงวิกฤตห้านาทีของเหล่านักเดินเรือจึงทำให้เกิดฟังกชั่นนับถอยหลังสำหรับนาฬิการีกัตตาโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับในนาฬิกาข้อมือรุ่น Tambour LV Cup Spin Time Regatta นอกจากจะเป็นนาฬิกาโครโนกราฟจับเวลาเป็นชั่วโมง นาที และวินาทีผ่านหน้าปัดย่อยได้แล้ว ยังมีฟังก์ชั่นรีกัตตาที่ใช้ง่ายเพียงแค่กดปุ่ม ณ ตำแหน่ง 8 นาฬิกาก็จะเปลี่ยนจากโครโนกราฟเข้าสู่โหมดรีกัตตาทันที และแสดงเวลานับถอยหลังผ่านช่องสี่เหลี่ยม 5 ช่องด้านข้าง โดยจะค่อยๆ เปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีแดง นาฬิกาข้อมือรุ่นนี้ทำงานด้วยกลไก คาลิเบอร์ LV 156 ซึ่งผลิตโดย La Fabrique du Temps Louis Vuitton ซึ่งสามารถมองเห็นกลไกบางส่วนได้ผ่านพื้นหน้าปัดสีน้ำเงินน้ำทะเล
นอกจากนี้ ยังมีนาฬิกาข้อมือรุ่น Tambour LV Cup Automatic Countdown ซึ่งยังคงสปิริตของนาฬิการีกัตตาด้วย ฟังก์ชั่นจับเวลาถอยหลัง 5 นาทีด้วยปุ่มกดทางซ้ายมือ แสดงเวลาช่วง 4 นาทีแรกผ่านช่องหน้าต่างทรงโค้ง ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ส่วนนาทีสุดท้ายแสงผ่านทางช่อง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา อีกทั้งถ้าจะเริ่มจับเวลาใหม่หากมีการผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันก็ทำได้ง่ายด้วยเนื่องจากใช้ระบบแบบฟลายแบ็กหรือเข็มตีกลับ และนาฬิกาข้อมืออีกรุ่นที่ไม่น่าพลาดเช่นกันคือ Tambour Regatta America's Cup Automatic ซึ่งสามารถจับเวลาถอยหลังและโครโนกราฟได้เช่นกันและโดดเด่นเกินใครด้วยดีไซน์ทันสมัยและโทนสีแดง
และนี่คือผลงานนาฬิกาข้อมือมาตรฐานสูงที่น่าจับตามองและถือเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของไลน์ Tambour ได้อย่างน่าตื่นตาจริงๆ